new details
knowledge

"เปลี่ยนยางรถยนต์" เรื่องสำคัญที่ผู้ใช้รถทุกคนควรรู้

ยางรถยนต์เป็นชิ้นส่วนสำคัญที่ไม่ควรมองข้าม แต่เราควรเปลี่ยนยางรถยนต์ตอนไหน และจะมีวิธีเช็กสภาพยาวเบื้องต้นได้อย่างไร บทความนี้มีคำตอบ

เปลี่ยนยางรถยนต์

new details

การเปลี่ยนยางรถยนต์​นั้นเป็นเรื่องที่เจ้าของรถหลายคนไม่ได้ให้ความสนใจเท่าที่ควร​ แต่ในความเป็นจริงแล้วยางรถยนต์เป็นส่วนประกอบสำคัญที่ไม่ได้มีหน้าที่ในการช่วยขับเคลื่อนตัวรถเท่านั้น แต่ยังทำหน้าที่ในการรองรับน้ำหนักและยังช่วยลดแรงกระแทกจากการสั่นสะเทือนในระหว่างขับขี่อีกด้วย

ดังนั้นผู้ใช้งานจึงจำเป็นต้องดูแลรักษายางให้ดี และเปลี่ยนยางรถยนต์เมื่อถึงเวลา เพื่อความปลอดภัยและสมรรถนะที่ดีที่สุดในการขับขี่

จะรู้ได้อย่างไรว่าเมื่อไหร่ถึงควรเปลี่ยนยางรถยนต์?

new details

หลายคนอาจจะกำลังกังวลและสงสัยว่าแท้จริงแล้วยางรถยนต์​นั้นมีอายุการใช้งานเท่าไหร่​ แล้วจะรู้ได้อย่างไรว่าเมื่อไหร่ที่เราควรเปลี่ยนยางรถยนต์​

ซึ่งโดยปกติ​แล้วยางรถยนต์​จะมีอายุอยู่ที่​ 2-5 ปี​ หรือผ่านการวิ่งไปแล้วประมาณ​ 30,000 - 40,000 กิโลเมตร​ ถ้าอย่างใดอย่างหนึ่งถึงก่อนก็อนุมานได้เลยว่าถึงเวลาเปลี่ยนยางได้แล้ว

นอกจากนี้เจ้าของรถยังควรต้องเช็กสภาพยางอย่างน้อยปีละครั้ง เพื่อดูว่ายางรถยนต์มีการเสื่อมสภาพหรือมีการสึกหรอหรือไม่

วิธีการเช็กสภาพยางรถยนต์​เบื้องต้นด้วยตัวเอง

new details

ขอบคุณรูปจาก shutterstock

ถึงแม้ว่ายางรถยนต์นั้นจะมีจะมีอายุการใช้งานได้นานถึง 3-5 ปี แต่บางครั้งเราก็อาจจำเป็นต้องเปลี่ยนยางก่อนถึงอายุการใช้งาน ถ้าหากตรวจพบสัญญาณเตือนเหล่านี้

  • ดอกยางเหลือน้อยเกินไป
  • สำหรับการตรวจเช็กดอกยางเบื้องต้นนั้นสามารถทำง่ายๆ​ โดยการสังเกตด้วยตาเปล่า​ว่าดอกยางของคุณนั้นมีร่องรอยการสึกหรอ​มากกว่าปกติ​หรือไม่​ โดยดูได้บริเวณ​สะพานยาง​ หรือส่วนที่เป็นสันนูนที่ร่องยาง​

    หากเหลือต่ำกว่า​ 1.6 มิลลิเมตร​ ก็แปลว่าถึงเวลาแล้วที่คุณจะต้องเปลี่ยนยางรถยนต์​เส้นใหม่ เพื่อลดความเสี่ยงในการขับขี่ โดยเฉพาะอย่างยิ่งการวิ่งบนถนนที่มีสภาพเปียกในช่วงหน้าฝน

  • แก้มยางมีรอยแตก หรือมีการฉีกขาด
  • บางครั้งการขับขี่บนเส้นทางที่ขรุขระนั้นอาจทำให้ยางรถยนต์เกิดรอยแผลได้ ลองสังเกตรอยปริ หรือร่องรอยการฉีกขาดบริเวณแก้มยาง โดยใช้ลูบบริเวณแก้มยางดู หากเป็นรอยแตก หรือรอยฉีกขาดขนาดใหญ่ก็อาจสามารถมองเห็นได้ทันทีด้วยตาเปล่า
    หากพบเห็นว่าบริเวณยากมีรอยในลักษณะดังกล่าวควรทำการเปลี่ยนยางทันที เพราะหากใช้งานต่อไปยางอาจส่งผลให้ยางระเบิดได้

  • ยางบวม
  • ยางรถยนต์บวมนั้นสามารถสังเกตได้ง่ายมาก เนื่องจากตัวยางจะมีลักษณะบวม ปูด หรือนูนออกมาจากรูปยางปกติอย่างเห็นได้ชัด ซึ่งอาการยางบวมนั้นสามารถเป็นได้ทั้งส่วนหน้ายางและแก้มยาง
    ซึ่งหากยางมีความผิดปกติเช่นนี้ เจ้าของรถไม่ควรฝืนขับต่อ ควรรีบเปลี่ยนยางรถยนต์ทันที เพราะอาจทำให้รถเสียการทรงตัวจนเกิดอุบัติเหตุได้

  • เนื้อยางแข็งกระด้างกว่าปกติ
  • อีกหนึ่งวิธีในการตรวจเช็คสภาพยางรถยนต์ด้วยตัวเองก็คือการสังเกตที่เนื้อยาง​ หากหน้ายังมีความแข็งกระด้างมากกว่าปกติหรือลองเอาเล็บจิกเข้าไปแล้วไม่ทิ้งรอยเล็บ อาจจะหมายความว่าหน้ายางหมดอายุแล้ว​ ซึ่งหากเป็นเช่นนั้นก็ควรที่จะเปลี่ยนยางเส้นใหม่​ เพราะไม่เช่นนั้นแล้วอาจจะมีผลต่อการขับขี่​ ทำให้การเบรกนั้นมีประสิทธิภาพลดน้อยลงและอาจทำให้เกิดอุบัติเหตุได้

    ยางรถยนต์เสียหาย เกิดจากสาเหตุอะไรบ้าง ?

    อายุการใช้งานของยางนั้นมีตัวแปรที่หลากหลาย นอกจากเรื่องของลักษณะการใช้งานแล้วก็ยังมีอีกหลายสาเหตุที่มีส่วนทำให้ยางรถยนต์เกิดการเสียหาย หรือเสื่อมสภาพ

  • สภาพถนน
  • การขับรถในสภาพถนนที่เป็นหลุมเป็นบ่อ ถนนลูกรัง หรือถนนที่อยู่ในระหว่างซ่อมแซม รวมไปถึงเส้นทางลาดชัน หรือทางขึ้นเขาที่มีความวกวน ก็เป็นหนึ่งในสาเหตุสำคัญที่ทำให้ยางรถยนต์ของคุณเสียหาย และเสื่อมสภาพเร็วกว่าการขับบนทางเรียบ ผิวทางไม่ขรุขระ และไม่มีสิ่งกีดขวาง

  • สถาพอากาศ
  • อากาศที่ร้อนจัด หรือหนาวเกินไปก็มีผลต่อการเสื่อมสภาพของยางเช่นกัน เช่น เมืองไทยในวันที่อากาศร้อนจัด หรือการจอดรถท่ามกลางแดดเปรี้ยงเป็นเวลานาน ก็เป็นปัจจัยที่ทำให้ยางรถยนต์ของคุณเสียหายได้ง่ายขึ้น

  • วิธีการขับขี่
  • ผู้ใช้รถหลายคนนั้นมีวิธีขับขี่ที่อาจทำร้ายยางรถยนต์แบบไม่รู้ตัว เช่น การออกตัวแรง หรือออกตัวด้วยความเร็วสูง การเบรกกะทันหัน การหักเลี้ยวแบบไม่ชะลอความเร็ว เป็นต้น ซึ่งลักษณะการขับขี่เช่นนี้จะทำให้อายุการใช้งานของยางรถยนต์สั้นลงกว่าที่ควรจะเป็น

  • บรรทุกของหนัก
  • ยางรถยนต์นั้นทำหน้าที่ในการรับน้ำหนักของรถ ดังนั้นถ้าเราขนของ หรือบรรทุกของที่หนักจนเกินไป ก็จะเป็นการเพิ่มภาระให้ยางรถยนต์โดยตรง นั่นจึงเป็นเหตุผลทำให้ยางเสียหาย หรือสึกหรอเรเร็วยิ่งขึ้น

  • ความดันลมยางที่ไม่เหมาะสม
  • การเติมลมยางด้วยความดันที่ไม่เหมาะสมนั้นก็เป็นอีกสาเหตุหนึ่งที่อาจทำให้ยางเสื่อมสภาพ​ สึกเร็วขึ้​น​ หรือทำให้ยางไม่เรียบเสมอได้​ ซึ่งโดยปกติแล้วรถยนต์แต่ละรุ่น จะมีการระบุความดันที่เหมาะสมสำหรับลมยางสำหรับทั้งล้อหน้าและล้อหลังไว้อยู่แล้ว

    เพราะการเติมลมยางด้วยความดันที่เหมาะสมนั้นนอกจากจะช่วยรักษาสภาพยางรถยนต์​ ยังช่วยในเรื่องของการกระจายน้ำหนัก​ การยึดเกาะถนน​ การเร่งความเร็ว​ และการเบรกให้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้นด้วย

    สรุป

    ยางรถยนต์นั้นเป็นชิ้นส่วนที่มีความสำคัญมากกับรถทุกประเภท ซึ่งปัจจัยสำคัญที่ผู้ใช้งานจึงควรใส่ใจในการเปลี่ยนยางรถยนต์ก็คือความปลอดภัย ดังนั้น เราจึงควรตรวจสอบสภาพยางภายนอกอย่างละเอียด เพื่อให้แน่ใจว่ายางของเราอยู่ในสภาพที่พร้อมใช้งานหรือไม่ เพื่อป้องกันการเกิดอุบัติเหตุได้ด้วยตัวเอง

    SHARE THIS STORY

    new details new details

    RELATES TAGS

    More Post

    News 1
    knowledge

    ทำไมต้อง “Mini Cooper” รวมราคา สเป็ค ที่คุณควรรู้

    Read More →
    News 1
    knowledge

    Honda HRV โดดเด่นอย่างไร ทำไมคนจึงนิยม

    Read More →
    News 1
    knowledge

    "เปลี่ยนยางรถยนต์" เรื่องสำคัญที่ผู้ใช้รถทุกคนควรรู้

    Read More →
    News 1
    knowledge

    รู้จักกับยางรถยนต์ ชิ้นส่วนสำคัญที่ทำให้รถของคุณสมบูรณ์แบบ

    Read More →
    News 1
    knowledge

    เปลี่ยนยางที่บ้าน เทคนิคง่ายๆ ที่คนมีรถไม่ควรมองข้าม

    Read More →
    News 1
    knowledge

    "ร้านปะยางใกล้ฉัน" บริการดีๆ ที่ให้มากกว่าเรื่องยาง

    Read More →
    News 1
    knowledge

    "ร้านตั้งศูนย์ ถ่วงล้อ ใกล้ฉัน" เลือกอย่างไรให้เหมาะกับรถคุณ

    Read More →
    News 1
    news

    รู้จักยาง Bridgestone ยางยอดนิยมอันดับต้นๆ ของเมืองไทย

    Read More →
    News 1
    news

    ยาง Michelin ดีไหม ควรเลือกรุ่นไหนจึงจะเหมาะ

    Read More →
    News 1
    news

    ยาง Continental ยางสัญชาติเยอรมันที่น่าจับตามอง​

    Read More →